วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

ต่างชาติวิจารณ์การศึกษาไทย A Foreign View on Thailand EducationalAdministration

ผมชอบที่จีนวิจารณ์การศึกษาแบบตีแสกหน้าตรงๆครับ
ผมเจอรายงานข่าวการวิจารณ์นี้ในsocial media หลายรอบแล้ว
วันนี้จึงกลับมาพิจารณาเรื่องนี้อีกรอบ

จีน วิจารณ์การศึกษาของไทย  
จีนรักไทยจริงใจ...วิจารณ์การศึกษาของไทยแบบตรงๆ... อ่านแล้วเศร้าจัง ...

การศึกษาไทยในมุมมองของจีน ห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย 

1. สถานทูตจีน เขียนรายงาน (เป็นภาษาจีน) ระบุการศึกษาไทย เน้นแต่ด้าน ศิลป ศาสตร์ นิติฯ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ ซึ่งจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ ความรู้กระจอก สักแต่ให้มีใบปริญญา ไม่ได้สร้าง value-added ใดๆ นักวิทยาศาสตร์ การวิจัย แทบจะเป็นศูนย์ 

Guanmu อดีตเอกอัครราชทูตจีน บอกว่า 25 ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตยาง ยังไง ก็ยังทำแบบนั้น ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นยางรถยนต์ หรือสิ่งประดิษฐ์ อะไรเองไม่เป็น สร้างคิดอะไรไม่ได้ 

2. มหาวิทยาลัยไทย รวมไปถึง ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ กิจกรรมเน้นเต้น หลีด โชว์หล่อสวย แต่โง่ ไม่มีการฝึกงานอะไร ที่เป็นประโยชน์ เด็กขอเงินพ่อแม่ เที่ยวกลางคืนไปวันๆ โชว์วัตถุนิยม ว่ารถกูขับรถไร สังคมมันวัดกันแค่นี้ (เห็นมากับตา) พวกดีๆ ก็มี แต่มันน้อย เอาจริงๆนะ ผมว่ามีแค่10% ในขณะที่เด็กสหรัฐฯ พวก MIT Stanford หรือเด็กจีนชิงหัว ปิดเทอม พยายามหางานทำ ฝึกงาน UN World Bank JP Morgan หรือมาค่ายผู้ลี้ภัย ชาวโรฮิงญาในไทย 

3. จ่ายครบจบแน่ ปริญญาขยะ เต็มบ้าน คือ หางานไรทำไม่ได้ มีแต่อยากจะรวย "ผมจะทำธุรกิจ" คือมันคิดไรไม่ออก นอกจากขายของ นอกจากนี้ ยังมีทุจริต ผันงบกระทรวงศึกษาให้ทุนกู้ยืมเรียน มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักการเมืองเป็นเจ้าของ สุดท้ายก็หนี้สูญ เพราะเด็กบ้านนอก ได้มาเข้ากรุง สักว่า ได้ปริญญาประดับบ้าน แต่มันหางานทำไม่ได้ ปึหนี่งหมดเงิน ภาษีประเทศชาติ ไปหลายหมื่นล้าน เรื่องเลวๆนี้ ไม่เคยถูกตรวจสอบ 

4. ภาษาอังกฤษ ห่วยแตกขั้นเทพ จริงๆ อจ.จุฬาฯ ส่วนใหญ่ ก็ลอกบทความฝรั่ง มาแปลๆ ไม่มีความคิด อะไรที่ใหม่ หาน้อยคน ที่จบระดับโลก ไปดู CV เอาเอง จบมหาลัยห้องแถว B-class ทั้งนั้น งานวิจัยขยะ copy/paste เด็มไปหมด ครูมัธยม เอาแค่โรงเรียนในกรุงเทพฯ ผมเคยถูกเชิญไปพูด ยังออกเสียงสะกดศัพท์ไม่ถูกเลย จะสอนเด็กให้ถูกได้อย่างไร แล้วโรงเรียน ใน อ.ปัว จังหวัดน่าน มันจะห่วยแตก ขนาดไหน คิดดู

5.ความรู้ใหม่ๆ หรือเทคโน โลยี มันหมุนเวียน เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนไทยรู้แต่ ภาษาไทยตัวเอง ไม่มีความสามารถ แข่งขันอะไร ในระดับโลก โลกทรรศน์สุดจะแคบ สำนักข่าวไทย รายงานแต่เรื่องเส็งเคร็ง ไม่ได้สร้างสรรค์คุณค่า ความรู้อะไร คนนั้นท้องกับคนนี้ ไปทำงานมา หลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บอกได้เลย นักเรียนไทย โคตรจะขี้เกียจ ไม่รู้ปีหนึ่งๆ อ่านหนังสือกัน กี่เล่ม?... 

รัฐบาลไหนจะคิดแก้ไขบ้างหนอ ขี้เกียจ ปริญญา ชื้อหาได้ จบได้ กลายเป็นคนโง่ ขึ้นไปอีกคน เพราะมีใบประกาศ มีทิฏฐิเพิ่ม หมิ่นเงินน้อย  ทำอะไรไม่เป็น คิดสร้างสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้ เบียดเบียดครอบครัวประเทศชาติ เป็นภาระ เป็นปัญหาสั่งคม ไร้คุณภาพอ้างตกงานที่แท้ขาดความรู้ความสามารถ ทุกอย่างชอบจะชื้อ จะกิน จะอยู่แบบสบาย ขาดการศึกษา กล่อมเกลาจิต ไม่มีความอดทด ต่อสู้ เป็นคนงอมืองอเท้าอาศัยผู้อื่น สมองคนอื่นไปๆวัน ๆ โตแบบแก่งแย่ง ชิงดีกัน ไม่มีทีมเวิร์ค เริ่มแต่แย่งสมบัติของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ต่อไปบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะคนในชาติคิดสร้างไม่เป็น หมดสมบัติชาติ ผลาญหมด ผลาญทรัพยากร วัวควาย ไร่นา ป่าไม้ แร่ธาตุหมดแล้วจะกลับมาอยู่อย่างเดิมก็ไม่ได้ จบ ป.โท ป.เอก ทำไร่ทำนาไม่ได้ หากินเองไม่ได้  อนาคตเป็นทาสเขา เด็กขาดคุณภาพ ก็เป็นผู้ใหญ่ไร้คุณภาพ เป็นคนชราก็เป็นภาระประเทศชาติแน่นอน มีใบประกาศ ใบปริญญาแต่สังคมโลกไม่ยอมรับก็สูญเป่ลาต้องรีบแก้ไขเรื่องเหล่านี้ด่วน  เร่งพัฒนาสังคม

ความห่วยแตกของการบริหารการศึกษาไทยในสายตาของต่างชาติ ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นข้อกล่าวหาท่ีสาหัสอย่างยิ่ง อุกฉกรรจ์มาก  

ประการที่หนึ่ง 
เป็นการตีแสกหน้าว่าการกำหนดหลักสูตร โดยเฉพาะการเปิดสาขาวิชาที่จะดการเรียนการสอนส่วนใหญ่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไทยนั่นเอง !!!

ประการที่สอง ก็เกี่ยวกับการบริหารและการพัฒนาหลักสูตรอีกเหมือนกัน เขาตีแสกหน้าอีกคำรบว่าไม่มีการฝึกงานที่สร้างสรรค์

ประการที่สาม เป็นเรื่องการประกันคุณภาพ การควบคุมคุณภาพ เรื่องนี้ สกอ. มีการออกประกาศและกำหนดแนวทางปฏิบัติเมื่อปี 2558 นี้เองครับ

ประการที่สี่ เรื่องภาษาอังกฤษ การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเมืองไทยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีฝรั่งมาสอนนะครับ เรามี AUA, British Council มีสถาบันจัดการสอบ IELTS,TOEFL,TOEIC แต่สถาบันเหล่านี้อาจจะมิได้มุ่งหมายที่จะทำการสอนเพื่อให้ลูกศิษย์นำเอาความรู้ ความสามารถไปใช้ในการทำงาน แต่สอนเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการเอาใบประกาศไปติดฝาผนังโชว์ เป็น อาการของ Diploma Desease ก็แค่นั้นเอง???

ประการที่ห้า ข้อนี้เขาวิจารณ์ระบบและโครงสร้างองค์กรของเราทุกระบบเลยครับ มิใช่ระบบการศึกษาเพียงอย่างเดียว คือมันมีทั้งสื่อมวลชน สังคม เศรษฐกิจทุกอย่าง ครบเครื่องเลย ดังนั้น เพื่อทำความเข้าใจข้อห้านี้มากยิ่งขึ้น เห็นจะต้องฟังคำปราศัยของเด็กอนุบาลกาฬสินธุ์เสียแล้วนะครับ 
แต่ขอเตือนว่า สุนทรพจน์เด็กมันอาจทำให้ท่านสำลักได้ครับ???
อย่างไรก็ตาม ผมยังอุ่นใจ และดีใจอยู่บ้าง ที่ฝ่ายจัดทำรายการตามนี้ เขาถ่ายภาพ Video ให้เห็นท่าน ศธ. 3 นั่งอยู่เคียงข้างท่านนายกลุงตู่ 
โปรดช่วยกันดูนะครับ ว่าเขาตีเราตามความเป็นจริงหรือไม่ครับท่าน !!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น