1.มหาสติปัฏฐานสูตร เอกายโน อยัง ภิกขเว มัคโค พระพุทธเจ้า ทรงตรัสสั่งสอนว่า การใช้ กาย เวทนา จิต ธรรม สำหรับเป็นฐานในการกำหนดสติ เป็นหนทางเพียงสายเดียวที่สามารถ ไปสู่นิพพาน เป็นทางพ้นทุกข์ เพราะเป็นการมุ่งกำจัดอภิชฌาและโทมนัส ความยินดียินร้าย ทำให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ไม่มีอัตตา ตัวตนเราเขาอยู่ในใจอีกต่อไป เป็นการเห็นไตรลักษณ์ มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
2.จากพุทธพจน์ยืนยันได้ว่า ถึงแม้ว่าจะเห็นไตรลักษณ์เพียงหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเพียงข้อเดียว ก็เข้าถึงความบริสุทธิ์ได้ แต่ข้อสำคัญเราจะละทิ้งรูป นาม ไม่ได้เลย จะต้องเห็นความไม่เที่ยงของ กายเวทนา จิต ธรรม การเจริญสติปัฏฐานจะเห็นไม่เที่ยง
3.วิธีปฏิบัติอีกประการหนึ่ง คือ ในการพิจารณาให้...ยึดอารมณ์ปัจจุบัน ไม่เยื่อใยในรูปอดีต อย่าเพลิดเพลินในรูปอนาคต จงปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อสละ เพื่อปล่อยรูปปัจจุบันเถิด แม้
ทวารอื่นๆ ก็แก้อย่างนี้หมด...
4.ต้องไม่ให้มีการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ วิเวก 3 อาวุธ 3
5.วิปัสสนา ต่างจากสมถะกรรมฐาน สมถะเป็นวิธีสงบจิตให้อยู่กับอารมณ์เดียวเป็นการทำสมาธิล้วนๆ แต่วิปัสสนากรรมฐานเป็นการฝึกจิตให้เกิดปัญญา รู้เห็นตามความเป็นจริงของตัวเรา คือ รู้จัก นาม -รูป = ขันธ์ 5 ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นวิธี เห็นไตรลักษณ์ ละกิเลสให้หมด เป็นสมุจเฉทไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ดับเหตุคือกิเลส ดับชาติ คือขันธ์ 5 ไม่เกิดในที่ไหนๆอีกต่อไป
6.วิปัสสนากรรมฐานแบ่งเป็น 2 พวก คือสมถยานิก กับวิปัสสนายานิก พวกแรกเริ่มจากสมถกรรมฐานก่อน แล้วมาวิปัสสนากรรมฐานที่หลัง พวกหลังดูนาม รูป ดูขันธ์ 5 ล้วนๆเรียกว่าเลือกกรรมฐานที่เป็นปัจจัยแก่ปัญญา มีอิริยาบถ 4 อิริยาบทย่อย ธาตุ 4 เป็นต้น ก็ได้
แต่ข้อที่สำคัญคือ ต้องทำตามวิธีของท่านทุกๆข้อ
7.ข้อนี้สำคัญ เพราะเป็นข้อห่วงใยของท่าน ส.อภิรักษ์ โดยเฉพาะ ท่านบอกว่าในสติปัฏฐานมีวิธีปฏิบัติไม่เหมือนกัน อานาปานสติก็ใส่ใจอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนกับอิริยาบถ เพราะอารมณ์ต่างกัน ฉะนั้นสติปัฏฐานจึงขึ้นอยู่กับอุบายความเข้าใจของผู้ทำ ถ้าไม่เข้าใจก็จะไม่เป็นวิปัสสนาเลย จะกลายเป็นสมาธิและหลงทางได้ ท่านยังบอกอีกว่า มรรค 8 เป็นทางเดินของจิตใจ ซึ่งใจของสัตว์ทั้งหลายไม่มีรูปร่างหน้าตาจะให้จับต้องได้ (ผมเข้าใจว่าท่าน ส.หมายถึงจิตใจเป็น "นาม" ครับ) และกิเลสเครื่องเศร้าหมองก็ไม่มีรูปร่างให้จับต้องได้ ตลอดจน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่รู้จักหน้าตาของ จิต กิเลส ปัญญา สติ ฯลฯ ธรรมะเหล่านี้ เราจะฝึกจิต อบรมจิต ได้อย่างไร!!!
เราเป็นคนโง่ หลงอวิชชาอยู่เต็มที่ จะไม่อาศัยแผนที่ที่พระพุทธองค์ตลอดทั้งสาวกได้วางเอาไว้ให้แล้ว เราจะถึงจุดหมายที่ไม่เคยไปได้อย่างไร?
ท่าน ส.อภิรักษ์ยังมีคำถามอีกหลายข้อครับ
และท่านบอกย้ำไว้ว่า
แล้ว ศีล สมาธิ ปัญญาที่ทรงประสงค์คืออะไร
คราวหน้าเรามาพิจารณาไปด้วยกันครับ
สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
ดร.ประสิทธิ์ คชโคตร
17 กรกฎาคม 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น